เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ของจริงรอนานหน่อย ฝันนี่มาทุกวัน

 

เดี๋ยวโดนนางอริยำชนด่าเจ้า
มาอาละวาดแน่ หงบ

 

เมื่อกี้เผลอหลับฝันกลางวันว่าเป็นนินจาไปช่วยองค์หญิง ตอนจบขี่พรมบินหนี รู้สึกผมโพสมโนอะไรไปนี่มีคนเอาไปทำจริงมาให้ผมดูนะเนี่ย เรียก gm โลกไรนี่แหละ ไม่ขอโพสมากแล้วนะวจีกรรมหนักเหมือนกัน

 

ขึ้นที่สูงมากยิ่งสูง ยิ่งหนาว
สูงสุดสู่สามัญ ต้องปลีกวิเวก

 

รีบๆคุยกันสิท่าน..ตอนนี้แกคงไปรับลูก..เดี๋ยวมาพวกเราก็เงียบกันเลย..
มะ อะ อุ......คาถาปราบมาร

 

แล้วกุเขียนว่าวิปัสนาญานป่ะหล่ะ ยาน ย้าน ยาน มึงแหกตาอ่านดีๆ ยัง นี่กุเขียนไม่ถึง 7 บรรทัดเลยนะ เวลาได้ญาน จิตมันจะย้อนกลับเข้ามาพิจารณากาย จิต แล้ววาง ๆๆๆ ออโต้เองป่ะวะ (ตามลำดับญาน)

ให้มึงเอาสติตามรุ้อิริยาบทปัจจุบันเฉยๆ แบบไม่พิจารณาอสุภนำ เวลาได้วิปัสสนาญาน มันยังย้อนมาพิจารณาทั้ง 2 อย่าง(กายจิตแล้ววางๆๆ)ให้มึงเลย กุคงถึงอริยะหลายรอบแล้วหล่ะถ้างั้น มันไม่จำเปนต้องรวมต้องแหวกตาข่ายห่าเหวแบบมึงเร้ยยย ปกติทั่วๆ ไปก้มี ฟ้าแลบครั้งนึงก้อมี ไม่เหนจะมีอะไร รุ้ทั้งหมดก้อต้องวาง ผลที่ได้ทั้งหมดก้อต้องวาง แต่มึงนี่นอกจากจะยึดหลักการ ผลแม่งก้อยังกอดไว้อีก เวลามึงบวช พอจ ไม่สอนมึงมั่งไงวะ .....ไอ้ขี้โม้เอ้ย ต้องให้กุมาตามด่า โครตผยอง

 

เก่งกว่าเล่าปังเยอะนี่ท่าน...นับถือๆ......สอนสาวกเล่าปังมั่งดิ

 

หายไปตั้งนานกว่าจะมาตอบหรือไปถามใครมา....ใช่ความรู้ตนหรือเปล่า...ถ้าไม่ใช่ธรรมที่มีในตน..ผิดศีลข้อมุสาวาส..นะท่านปวี

 

ทำบุญมาดี วาสนาดี ฐานจิตเคยฝึกมาดี ถึงง่าย ถึงไว แม้เปน ผญ ก้อมีบุญวาสนาเจอ พอจ ตัวเปนๆสอนให้ก้าวหน้า ชีวิตดี้ดีย์ ไม่เหมือนไอ้ขี้โม้บางตัว ดีแต่เห่าดีแต่กอดแต่เรื่องเดิมๆ

 

สาธุ...ข้ามฝั่งเป็นอริยบุคคลหรือยังล่ะ...ถ้ายังไม่เป็นอริยบุคคลถือว่าใช้ไม่ได้นะ...อาจารย์ดีแต่ศิษย์ไม่เอาไหนมีให้เห็นเยอะแยะ...ที่สำคัญถ้ายังไม่ใช่อริยบุคคลยังหนีอบายภูมิไม่พ้นนะบอกไว้ก่อน

 

จิงๆ มอดน่าจะให้อริยะชนพิมพ์มั่งนะ ถ้าแกโพสปกติ (หมายถึงไม่พูดเรื่องเจ้า) ปวีว่าแกตลกดีนะ อ่านแล้วฮา เปนคนตรงๆ แต่ตลกดี

 

คำว่า "วิปัสสนาญาณ"

วิ (วิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + ปสฺสนา (การเห็น) + ญาณ (ความรู้, ปัญญา) ปัญญาที่เห็นแจ้ง, ปัญญาที่เห็นอย่างวิเศษ, ปัญญาที่เห็น โดยประการต่าง. ... เห็นโดยความเป็นผู้ใคร่ที่จะพ้นจากสังขาร ฯลฯ

หรือ....

ญาณ (บาลี: ñāṇa; สันสกฤต: jñāna ชญาน) แปลว่า ความรู้ คือ ปรีชาหยั่งรู้ ปรีชากำหนดรู้ หรือ กำหนดรู้ได้ด้วยอำนาจการทำสมาธิและวิปัสสนา เรียกว่า วิชชา บ้าง ญาณ เป็นไวพจน์คำหนึ่งของปัญญา แต่มักใช้ในความหมายที่จำเพาะกว่า คือเป็นปัญญาที่ทำงานออกผลมาเป็นเรื่อง ๆ มองเห็นสิ่งนั้น ๆ หรือเรื่องนั้น ๆ ตามสภาวะจริง

ถ้าเราพิจารณาคำว่า มรรคแปด คือเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ก็คือ

การหมุนธรรมจักรให้ครบวงจร ก็คือ การที่มนุษย์สามารถเข้าถึงสติปัญญาของจิตวิญญาณได้

มนุษย์จะต้องใช้สมองตรึกตรองและสร้างสรรค์ก่อนการแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใด ๆ เสมอ

การคิดหาวิธีการที่ถูกต้องที่สุด
การคิดหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุด
การคิดหาวิธีการที่ดีที่สุด

มนุษย์ก็จะต้องนำเอาความรู้สึกที่นึกคิดสร้างสรรค์และดีงามนั้นออกมาแสดงหรือปฏิบัติให้เกิดประโยชน์สุขทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และต่อดาวเคราะห์โลกดวงนี้ด้วย เพื่อที่จะแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมนั้นแล้ว ไม่เป็นด้านไขเงื่อนลบของผู้อื่นด้วย โดยไม่ไปบ่อนทำลายความสงบสุขในจิตใจผู้อื่นด้วย

นี้เป็นการหมุนธรรมจักร และดำเนินไปตามทางมรรคแปดในตนเองแล้วค่ะ

 

แม่ชีจิตยิ้มครับ คืออยากรู้ว่าข้อมูลที่เราบำเพ็ญมาทุกอย่างมันไปเก็บไว้ที่จิตหมดใช่เปล่าแสดงว่าต้องมีที่บันทึกข้อมูล ผมเรียกเซริฟเวอร์โลกละกัน เพราะพอเราตายไปแล้วจิตก็หยุดบันทึก เพื่อเอาไปสร้างร่างใหม่ให้เหมาะสม คืออยากบำเพ็ญให้ได้กายพระพุทธเจ้า แบบเคยฝันว่ามีคนเรียกผมว่าสิทธัตถะ แสดงว่าผมบำเพ็ญด้านร่างกายมาบรรลุแล้วใช่มั้ย

 

ถ้าของเก่ามีนั่นหมายถึงจิตท่านเป็นอริยบุคคลแล้ว...แต่ถูกอวิชชาปิดบังไว้...ถ้าเห็นอวิชชาทุกอย่างก็ง่ายขึ้น....ถ้าฝันเห็นหมอกตามทางที่เดินไป..นั่นแหละใช่เลย...รีบๆบรรลุธรรมนะ..แล้วไปเป็นพระยาธรรม

 

ขาดเรื่องการบรรลุเนื้อเรื่องนี่แหละว่าจะนิพพานแนวไหน ผู้กล้าปราบจอมมารแน่ๆ ถ้าตามฝันอะ
ต้องไปแย่งเรียลลิตี้สโตนจากทานอสก่อน ทั้งถุงมือนั่นแหละ มันชอบมาแฮคข้อมูลผม

 

ฝรั่งชอบสร้างหนังหมาระยำ แต่ผมจะเอาภพภูมิการ์ตูนอะ มีใครจะร่วมปาร์ตี้กับผมไหม ไม่มีก็คงยังไม่ถึงเวลา

 

ที่จริงแล้ว จิตคือพุทธะของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล ก็มีคำตอบเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ

แต่เรื่องที่ท่านไฮเปอร์ถามนี้ เราทุกคนจะทราบดีว่าท่านไฮเปอร์เข้าใจดีเรื่องคลื่นมิติคลื่นพลังงาน และเรื่องพลังจักรวาลได้ดี จะนำคำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้พิจารณาค่ะ

ใจเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำ กระบวนการของใจก็คือ จิต ที่สั่งสมข้อมูลและอารมณ์ต่าง ๆ มาจากทุก ๆภพชาติ และส่วนหนึ่งก็ติดมากับจิตวิญญาณ

บททดสอบตนเองที่เรียกว่า "พันธสัญญา" ที่ตนวางแผนเอาไว้ก่อนที่จะมาสู่รูปธรรมบนโลกมนุษย์บนโลกใบนี้ภพชาติแรก และพันธกรรม หรือ "วิบากรรม" ของมนุษย์แต่ละคน ซึ่งจักรวาลเรียกว่า บุรพกรรม อันเป็นกรรมเก่าในภพชาติอดีต มักจะเป็นกลุ่มพลังงานที่ดำรงคุณสมบัติอยู่ในสนามพลังงานของจักรวาลโลก ซึ่งคอยเคลื่อนไหลติดตามมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมัน

การปรุงแต่ง ก็คือ การรับรู้แล้วรับเอา เกิดตรงตาที่สาม เมื่อถูกกระตุ้นสั่นสะเทือนก็คือ อนุภาคไฟฟ้า ซึ่งถูกบันทึกสั่งสมไว้ตรงตาที่สามมีคุณสมบัติทางอารมณ์ต่างๆ กำกับไว้นั่นเอง

"อนุภาคไฟฟ้า" ที่ว่านี้คือ รหัสบุรพกรรมทางอารมณ์ หรือ นิสัยทางอารมณ์ต่าง ๆ ของมนุษย์ ที่สั่งสมไว้ตั้งแต่ภพชาติอดีตซึ่งจิตวิญญาณถือติดตัวไว้เป็นคุณสมบัติของตนข้ามภพข้ามชาติมาสู่ปัจจุบันทั้งสิ้น

มนุษย์จะต้องรู้ว่า นิสัยทางอารมณ์ แต่ละอย่าง อารมณ์แต่ละชนิด ที่แต่ละคนแสดงออกในภพชาตินี่เสียจนติดนิสัย และนิสัยทางอารมณ์บางอย่างซึ่งเป็นนิสันที่ติดตัวข้ามภพข้ามชาติผ่านมาแล้วหลายภพชาติ จนเรียกว่า สันดานทางอารมณ์ ทั้งหลายนั้น มันถูกบันทึกไว้ในรูปของอนุภาคไฟฟ้าที่มีรหัสเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์นั้น ๆ เป็นคุณสมบัติของอนุภาคอยู่ด้วย แต่ละอารมณ์ก็จะมีอนุภาคแยกเป็นอสิระกันไป หากเป็นอารมณ์ขยะหรืออารมณ์ด้านลบชนิดใดก็ตาม เมื่ออนุภาคนั้นได้รับการกระตุ้นเมื่อใดอนุภาคดังกล่าวนั้นก็จะสั่นสะเทือนไปทางด้านลบ เพื่อแสดงคุณสมบัติทางอารมณ์ขยะนั้น ๆ ออกมาเสมอ

คนขี้โมโห คนขี้ใจน้อยม คนขี้งอน คนขี้ขลาด คนขี้งก คนขี้หึง ฯลฯ คือผู้สั่งสมอนุภาคไฟฟ้าที่เป็นรหัสบุรพกรรมทางอารมณ์ชนิดนั้น ๆ ไว้มากนี่เอง หากว่าเป็นเรื่องยั่วยุอารมณ์โกรธมาก ๆ แล้วมนุษย์เองมีรหัสของนิสัยขี้โมโหบันทึกไว้มากด้วย หากเกิดการยุแหย่หรือยั่วเย้ามาก ๆ การสั่นสะเทือนทางอารมณ์โมโหก็จะเกิดขึ้นทันที

รหัสพันธกรรมทางอารมณ์ที่ถูกบันทึกไว้ภายในจิตวิญญาณ แต่ละรูปธรรม มนุษย์จะต้องรู้ว่า คลื่นการสั่นสะเทือนทางอารมณ์ของจิตมนุษย์เมื่อก่อนตาย ไม่ว่ามันจะเป็นอารมณ์ใดเป็นคลื่นความถี่ใด มันจะถูกถ่ายทอดไปเป็นคุณสมบัติหนึ่งของจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน ที่จะนำพาติดตัวไปไหน ๆ ได้ตลอดเวลาทุก ๆ ที่ ทุกหนแห่ง แม้แต่อุปนิสัยใจคอเมื่อครั้งเป็นมนุษย์เป็นเช่นไร เมื่อทิ้งกายสังขารไปเหลือเพียงเป็นจิตวิญญาณแก่นแท้ในมิติทางพลังงาน ก็จะยังคงมีอุปนิสัยเป็นเช่นนั้นอยู่ ยกเว้นสภาสะจิตที่เป็นสุญญตาแล้วเท่านั้น

กลุ่มพลังงานผลกรรมด้านบวก

ใยทำบุญทำทานหมั่นบำเพ็ญบารมีสั่งสมเอาไว้ตั้งมากมายในแต่ละภพชาติที่ได้รับโอกาสให้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ถึงที่สุดแล้วยังก้าวไม่ถึงปลายทางสุดท้ายของจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า "นิพพานได้" เพราะ...

การ "ให้" โดยต้องการสิ่งตอบแทน

การทำความดีงามนั้น เพื่อต้องการได้รับรางวัลที่ดี ๆ ตอบแทน

เป็น "การให้" โดยตั้งเป้าหมายที่จะได้รับสิ่งตอบแทนเอาไว้ล่วงหน้า ในขณะที่กำลังลงมือทำอยู่

ผลกรรมด้านบวกที่เป็นพลังงานขยะนี้ (เพราะยังไม่ใช่พลังบวกบริสุทธิ์) มันจะถูกสั่งสมไว้เพื่อรอคอยให้เจ้าของมันรับกลับคืนไปใช้ประโยชน์จนหมดสิ้นนั่นเอง

ทั้งพลังบวกและลบ ที่เป็นกุศลและอกุศลต่างเป็นพลังงานที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นพลังงานกรรมที่คอยติดตามเพื่อเป็นรหัสบุรพกรรมเพื่อใช้ในการสร้างรูปธรรมกายสังขารในชาติถัดไปค่ะ


ส่วนที่ท่านกล่าวคืออยากบำเพ็ญให้ได้กายพระพุทธเจ้า แบบเคยฝันว่ามีคนเรียกผมว่าสิทธัตถะ แสดงว่าผมบำเพ็ญด้านร่างกายมาบรรลุแล้วใช่มั้ย

ตามความเห็นของจิตยิ้มนะ รูปกับนามต้องไปพร้อมกัน หรือต้องสมดุลหรือสัมพันธ์กัน หากปราถนาได้กายแบบพระพุทธเจ้า ต้องสร้างสมคุณงามความดีบารมี 30 ทัศน์ ด้วยนิสัยอารมณ์กรรมที่ดีงาม พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ที่มีมหาปริลักษณะแตกต่างกัน ก็น่าจะมาจากนิสัยอารมณ์กรรมที่สั่งสมมาในแต่ละภพชาติที่ต่างกัน จึงทำให้เกิดรูปกายสังขารไปตามรหัสบุรพกรรมที่สร้างบารมีไว้ ส่วนที่ฝันว่ามีคนเรียกว่าเจ้าชายสิทธัตถะ ก็น่าจะมาจากส่วนลึกภายในจิตใจที่ตนปรารถนาไว้นะค่ะ

ที่จริงแล้วรายละเอียดมันมากเหลือเกิน นำมาให้ได้พิจารณาเท่าที่จะสามารถนำมาให้ได้แค่นี้ก่อนค่ะ

 

หลักการสร้างสติให้ตนเอง
1.ตื่นรู้อยู่เสมอ
2.การรับรู้โดยไม่รับเอา

การรับรู้โดยไม่รับเอา สามารถสร้างได้ด้วยการปฏิบัติตนตามตัวอย่างบางวิธีดังนี้คือ

เห็นเหมือนไม่เห็น
รับฟังแต่ไม่ได้ยิน
รู้ ๆ อยู่แต่ไม่ใส่ใจ
รับรู้แล้วไม่ติดใจสงสัย
มองข้ามพ้นไปจากตัวตนและมายา
ใส่ใจแต่สาระอย่างเดียว

การกำจัดอนุภาคขยะ หรือรหัสบุรพกรรมด้านลบที่สั่งสมบันทึกเอาไว้

คำตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่อาจทำได้ไม่ง่ายนัก คือ

1.ถ้าเป็นคนขี้กลัวก็จงกำกัดรหัสนี้ด้วยความไม่กลัว หรือ "ความกล้า"

2. ถ้าเป็นคนโกรธง่าย ก็จงกำจัดรหัสนี้ด้วย "ความไม่โกรธ" หรือ การให้อภัย

3.ถ้าเป็นคนขี้ใจน้อย หรืออ่อนไหวง่าย จงกำจัดรหัสนี้ด้วย "ความหนักแน่นมั่นคงในจิตใจ"

4.ถ้าเป็นคนขี้หึง จงกำจัดหรัสนี้ด้วยความไม่หึงไม่หวง หรือ "เชื่อมั่นในตัวเขา" อย่างแท้จริง

5.ถ้าเป็นคนขี้ระแวง ก็จงกำจัดรหัสนี้ด้วยการไม่ระแวง หรือ "การไว้วางใจ"

6.ถ้าเป็นคนขี้สงสารเกินพิกัด ก็จงกำจัดรหัสนี้ด้วยการละลด "เวทนา"ผู้อื่นให้น้อยลง

 

เรื่อง server โลกคิดว่าท่านคงทราบแล้วคืออะไรเลยไม่ได้นำมาลงในกระทู้ค่ะ

 

ปวีว่าบำเพ็ญเปนพระพุทธเจ้าไกลตัวไป บำเพ็ญให้ตัวเองสติดี อยุ่กะร่องกะรอย มโนน้อยๆ ดูจะเปนรูปธรรมที่หวังได้มากกว่านะ จะได้ลดโลกร้อนเวลาเข้ามาอ่าน กท.