เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 มิถุนายน 2025 at 21:08.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,787
    ค่าพลัง:
    +26,652
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,787
    ค่าพลัง:
    +26,652
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่โรงแรมฮิลตันเมืองอูลู่มู่ฉีอยู่ที่ ๒๓ องศาเซลเซียส แถมมีฝนตกลงมานิดหน่อย โรงอาหารเปิดตอน ๗ โมงเช้าตรงเป๊ะ ข้าวปลาอาหารมีมากมายเหลือเฟือเหมือนเดิม

    เมื่อฉันเช้าเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพขึ้นไปนอนภาวนา ส่งกำลังใจขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางทุกท่านที่เมตตาให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ และรวมไปถึงถวายเจ้าที่เจ้าทางตลอดเส้นทาง ในการเดินทางวันหนึ่งคืนหนึ่งนี้ ขอให้ทั้งคณะสะดวกและปลอดภัยด้วย

    หลังจากนั้นแล้วก็ลงมาทางด้านล่าง เจอรถมากมายมหาศาล เพราะว่าทางโรงแรมฮิลตันวันนี้มีจัดการประชุมอีก กระผม/อาตมภาพขึ้นไปนั่งรอบนรถยนต์ ด้วยความที่กลัวว่าถ้าช้าแล้วจะออกไม่ได้ แต่ "ลูกกิฟท์" (นางสาวอันตรา ลักษณะ) บอกว่าพิพิธภัณฑ์เขาเปิด ๑๐ โมงเช้า จากตรงนี้วิ่งไปแค่ ๑๕ นาทีก็ถึง รีบไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงต้องรอจน ๐๙.๔๕ น. พวกเราจึงขึ้นรถกันจนครบครัน

    "กิ๊กเหล่าซือ"และ"คุณโบตั๋น"ก็อำลาอาลัย พร้อมกับนัดแนะกันว่าถ้ามีไปซินเจียงเหนือหรือซินเจียงใต้ก็ให้ติดต่อได้ กระผม/อาตมภาพมอบเงินรางวัลให้กับ "น้องกิ๊ก"ไป ๒๐๐ หยวน ให้ "คุณโบตั๋น" ไป ๕๐๐ หยวน

    พวกเราวิ่งมาประมาณ ๓๐ นาทีก็ถึงสนามบินเมืองอูลู่มู่ฉี น่าเสียดายที่ว่าแม้การสแกนเข้าจะไม่ลำบาก แต่พอไปทำการเช็คอิน พวกเราก็เจอปัญหาที่กระผม/อาตมภาพชื่อยาวเกินมนุษย์มนา จึงต้องไปหาเจ้าหน้าที่ประทับตราให้ต่างหาก แล้วก็ยังต้องเทน้ำชาทั้งกระบอกทิ้งไปด้วย

    เมื่อลากันตรงนี้แล้ว พวกเราก็เดินเข้าในส่วนของการตรวจคน เพื่อเข้าประตูขึ้นเครื่องที่ตรวจได้เข้มงวดกวดขันมาก แม้แต่ถอดรองเท้าออกมาแล้ว ก็ยังจับเท้ากระผม/อาตมภาพไป ค่อย ๆ สแกนไปทีละข้าง เผื่อว่าในถุงเท้าจะซุกซ่อนอาวุธน่ากลัวอะไรมาหรือเปล่า ?

    ครั้นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังต้องมารออีกพักใหญ่ เพราะว่า "ป้ามุกดา" (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) พี่สาวคนเก่งของกระผม/อาตมภาพเอง ดันไปพกเครื่องฟอกอากาศแบบพกพาและไฟฉายมาด้วย แถมยังไม่เอาออกจากกระเป๋าอีกต่างหาก ก็เลยโดนเจ้าหน้าที่ล็อคตัวไปเพื่อที่จะสอบถาม ยังดีที่มี "คุณนายสุ" (นางศุภากาญจน์ หว่อง) อยู่ด้วย จึงทำให้สามารถส่งภาษาเอาตัวรอดออกมาได้..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,787
    ค่าพลัง:
    +26,652
    พวกเราต้องขึ้นเครื่องที่ประตู A220 แต่ว่าลงบันไดใช้ชั้นล่าง อยู่ตรงประตู A238 จึงต้องเดินกันขาลาก ทำให้แวะตามร้านค้าเป็นระยะเพื่อดูสินค้าต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นบรรดาหยกหินสีต่าง ๆ แกะสลักสวยงาม ตลอดจนกระทั่งขวดยานัตถุ์ ซึ่งขวดยานัตถุ์นั้น ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ ๓๘๐ หยวนต่อใบ ส่วนหยกเหอเถียนที่กระผม/อาตมภาพชอบใจ เป็นรูปลูกมังกรทั้ง ๙ ซึ่งเจ้าตัวนี้มีเขาเดียว จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ราคาอยู่ที่ ๗๒,๘๐๐ หยวน ทำให้ต้องรีบเผ่นออกจากร้านโดยเร็ว เนื่องจากว่ารับกิจนิมนต์เป็น ๑๐ ปี ไม่รู้ว่าจะได้เงินเท่านี้หรือเปล่า ?

    พวกเราไปนั่งรอขึ้นเครื่อง จนเวลา ๑๕.๒๐ น. ก็ทำการขึ้นเครื่องกันโดยไม่ต้องตรวจตราอะไรเลย นอกจากเดินผ่านให้เครื่องสแกใบหน้าเท่านั้น ข้อมูลทั้งหมดของเราอยู่ในนั้นแล้ว กระผม/อาตมภาพนั่งกับ "คุณณรงค์" (นายฑนดล ภูมิธเนศ) และ "น้องเล็ก" (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ที่ท้ายเครื่อง ก็คือแถวที่ ๘๑ อีกสองแถวก็สุดท้ายเครื่องแล้ว..!

    ด้วยความที่ว่าเครื่องบินต้องใช้เวลาบินถึง ๔ ชั่วโมง ๑๐ นาที ไม่มีอะไรจะทำ เพราะว่าหนังสือก็ไม่มีให้อ่าน กระผม/อาตมภาพจึงภาวนา ส่งใจคุยกับ "ท่านอูฐ" บ้าง ดูฟ้าดูดิน ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ บ้าง จนกระทั่งข้ามมาเขตมณฑลชิงไห่ "ท่านอูฐ" กับบริวารก็โบกมืออำลากันตรงนี้ ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพนั่งกันยาวต่อไป

    ระหว่างนั้นก็มีการแจกข้าวกล่องอาหารมื้อเย็น ดูหน้าตาแล้วก็น่ากินอยู่ทีเดียว เนื่องเพราะว่าเป็น "หนิวโร่วเหมี่ยน" ซึ่งก็คือ "หมี่ผัดเนื้อวัว" แต่ขอโทษเถอะ..ไม่สามารถที่จะกินได้ ถ่ายรูปแล้วก็ต้องส่งคืนเขาไป นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ เข้าห้องน้ำไป ๒ รอบ ก็มาถึงสนามบินไป๋หยุน เมืองกวางโจว มณฑลกวางตง ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพมาเสียเวลานานมาก ตรงจุดที่ต้องไปทำการประทับตราตั๋ว เพื่อเดินทางกลับสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,787
    ค่าพลัง:
    +26,652
    รออยู่นาน ๑๐ กว่านาที เกือบ ๒๐ นาที พวกเราเริ่มบ่นเสียงดัง ปรากฏว่าแม่สาวคนที่อยู่ด้านหน้าหันกลับมาบอกว่า "พวกคุณย้ายไปทางช่องอื่นเถอะ เรื่องของฉันยังอีกนาน..!" ได้ความว่าคุณเธอจะไปยุโรป แต่ระยะนี้คนจีนมีปัญหากับอเมริกา เลยพลอยมีปัญหากับยุโรปไปด้วย..!

    เห็นเจ้าหน้าที่ยกหูโทรศัพท์ติดต่อข้ามประเทศอย่างเคร่งเครียด ไม่ทราบเหมือนกันว่าอีกนานเท่าไรจะได้คำตอบ ? พวกเราก็เลยต้องย้ายช่อง เพื่อรอประทับตั๋วโป้งเดียวเท่านั้น กระผม/อาตมภาพจึงฉวยเวลาตอนนี้ ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน

    ที่เมืองอูลู่มู่ฉีนั้น ทุกอย่างค่อนข้างจะเคร่งเครียด เพราะว่าเราเป็นคนต่างด้าว ขณะเดียวกัน คนจีนฮั่นก็ยังเป็นส่วนแปลกปลอม เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวอุยกูร์ หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "หุยหู" สถานที่ราชการทุกอย่าง ตลอดจนกระทั่งแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องมีการป้องกันขันแข็ง ตรวจแล้วตรวจอีก สแกนแล้วสแกนอีก แต่ว่าเมื่อได้เข้าไปแล้วก็คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง แบบเดียวกับที่พิพิธภัณฑ์ซินเจียงที่เราเข้าไปในตอนเช้าวันนี้

    เมื่อเดินทางไปถึงตอน ๑๐ โมงเช้านั้น คนก็เต็มแน่นขนัดไปหมด เห็นแต่หัวดำพรืด..! จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพแทบจะถอดใจแล้ว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็อธิบายว่า "มัมมี่แห่งเมืองโหลวหลาน" นั้น ตอนนี้กำลังมีการปิดโยกย้ายเพื่อซ่อมบำรุง ในเมื่อไฮไลท์ก็ไม่ได้ดู ของพิเศษก็คือ "สนับแขนของนักรบ" ซึ่งไม่ยอมให้ไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ไหน ก็ไม่สามารถที่จะเข้าดูได้อีก..!

    แต่ว่าเมื่อโดนพรรคพวกกระตุ้นก็เข้าไปดู แล้วก็เห็นว่าเขาดำเนินเรื่องไปตามลำดับ ตั้งแต่สมัยนับ ๑๐,๐๐๐ ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงยุค ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ปี ไล่มาจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน ว่าข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าอาหารของเขามีลักษณะอย่างไร ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,787
    ค่าพลัง:
    +26,652
    โดยเฉพาะพัฒนาการทางตัวอักษร ซึ่งพวกเราขนาดใช้กูเกิ้ลทรานสเลทก็แปลไม่ออก เพราะเป็นภาษาโบราณ "นายไก่" (นายฐนดล ทิมแสง) หัวหน้าทัวร์จากเติมเต็มทราเวลจึงอ่านให้พวกเราฟังว่า "แม่ทำกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว แช่อยู่ในตู้เย็น ถ้าจะกิน อย่าลืมเอาเข้าไมโครเวฟก่อนนะลูก" ทำเอาหัวเราะกันสนั่นหวั่นไหว จนคนจีนหันมามองหน้ากันหมด..!

    กระผม/อาตมภาพถ่ายรูปมาเกือบ ๒๐๐ รูป แต่ว่าไม่สามารถที่จะนำลงให้ทุกคนดูได้ทั้งหมด แล้วก็ชอบอกชอบใจตรงที่ว่าสมัยนั้น บรรดาเครื่องทองเครื่องหยกต่าง ๆ ก็จัดว่ามีฝีมือมาก ๆ แล้ว ถ้าถามว่ามีฝีมือระดับไหน ? ก็วัวทองคำตัวที่ถ่ายออกมานั้น เล็กประมาณนิ้วก้อยของกระผม/อาตมภาพเท่านั้นเอง..! ไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารเหมือนในรูปที่ใช้ซูมขยายมา

    แล้วในส่วนอื่น ๆ ที่ชอบใจก็คือ เขาพาเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา และคนจีนก็แห่กันเข้ามามากต่อมากด้วยกัน หลายคนก็มี "แก็ดเจ็ต" ที่มีข้อมูลอยู่ เอารูปใน "แก็ดเจ็ต" มาเทียบดูทีละชิ้น..ทีละชิ้น เพื่อที่จะไม่พลาดสิ่งสำคัญไป แสดงว่าคนจีนยุคนี้ก็เห็นความสำคัญของรากเหง้าตนเองเป็นอย่างมาก

    โดยเฉพาะรัฐบาลพยายามชวนเชื่อว่า ๕๖ ชนเผ่าในเมืองจีนนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็คือไม่มีการแบ่งแยกชนเผ่า ทุกคนก็คือชาวจีนเช่นเดียวกัน แต่ว่าด้วยความแตกต่างทางเชื้อชาติ ภาษา อาหารการกิน การแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จึงทำให้ยากที่จะเข้าถึงได้ โดยเฉพาะชาวอุยกูร์นั้น มีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมมีมากเป็นพิเศษ ทางคนจีนพยายามที่จะสลายความเชื่อมั่นของเขานั้นยากเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้พวกเรารู้สึกชื่นชมมากว่า คนจีนยุคใหม่พยายามทำความเข้าใจ เพื่อที่จะเข้าถึงและพัฒนาไปด้วยกันได้ ซึ่งส่วนนี้ประเทศของเรายังไม่มี

    กระผม/อาตมภาพบันทึกเสียงมาถึงตรงนี้ ดูท่าว่าเอกสารใกล้จะเสร็จแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...