Featured เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘

Discussion in 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' started by iamfu, Aug 1, 2025 at 7:29 PM.

Thread Status:
Not open for further replies.
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,702
    Featured Threads:
    2,828
    Ratings:
    +26,690
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘


     

    Attached Files:

    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,702
    Featured Threads:
    2,828
    Ratings:
    +26,690
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ในคณะสงฆ์ของเรา ปล่อยให้เป็นภาระของพระผู้ใหญ่ท่านไปจัดการแก้ไขกันเอง เนื่องเพราะว่าต่อให้เราเห็นชัดเจนแค่ไหนว่าเรื่องนั้นไม่ถูกต้อง เราก็ไม่มีอำนาจในมือพอที่จะไปแก้ไขได้ นอกจากแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น

    ต้องบอกว่าพระภิกษุสงฆ์ของเรา ยิ่งบวชนานเท่าไรก็ยิ่งตามโลกไม่ทันเท่านั้น โดยเฉพาะการมองโลกในแง่ดี ใครพูดดีด้วย ทำดีด้วย ก็เห็นดีกับเขาไปหมด จึงมักจะโดนหลอกลวงได้ง่าย อย่างที่เป็นข่าวเป็นคราวกันอยู่บ่อย ๆ

    สิ่งหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ, ป.ธ. ๖) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๔ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านถือเป็นคติประจำใจเลยก็คือ วิสฺสฏฺเฐปิ น วิสฺสเส แม้บุคคลผู้คุ้นเคยก็ไม่ควรไว้วางใจ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากคนใกล้ตัวทั้งสิ้น แม้กระทั่งการทุจริตต่าง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเจอมาตลอดชีวิตของการบวช ไม่ว่าจะเป็นวัดไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็เกิดจากคนใกล้ชิด หรือคนที่เราไว้วางใจนั่นเอง

    เรื่องพวกนี้เกิดจากกำลังใจของแต่ละท่าน ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพที่ตนเองเผชิญอยู่ แรก ๆ อาจจะมาด้วยเจตนาดี แต่เมื่อเจอ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อยู่ตรงหน้า สามารถที่จะไขว่คว้าได้ง่าย ก็ถลำตัวเข้าไป แล้วด้วยความที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ของตนยังไม่มั่นคงเพียงพอ ก็หลงใหลไปกับกระแสเหล่านั้นจนกู่ไม่กลับ..!

    แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพยกตัวอย่างให้ท่านทั้งหลายได้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่ง ตอนแรกก็บวชเข้ามาด้วยเจตนาดี ตั้งใจที่มาเพื่อละกิเลส เพื่อช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนา แต่พอนานไป ๆ เจอการทดสอบของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้า ก็หวั่นไหวและไหลตามไป

    จากบุคคลที่เสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งหน้าที่การงานที่สำคัญ หรือว่าฐานะทางบ้านที่ร่ำรวย ตั้งใจที่จะเข้ามาประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม ให้สมกับที่เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ก็กลายเป็นว่าทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ต้องสร้างกุฏดี ๆ หรู ๆ ติดเครื่องปรับอากาศไว้ใช้เองและไว้ต้อนรับเพื่อนฝูง ต้องมีรถยนต์ราคาแพง ๆ เอาไว้อวดคนอื่นเขา แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็ใช้ของใหม่ทุกรุ่นที่ออก คนหนึ่งพกกันที ๒ เครื่อง ๓ เครื่อง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,702
    Featured Threads:
    2,828
    Ratings:
    +26,690
    สำหรับคนที่สนิทกันมาก ๆ กระผม/อาตมภาพก็ด่าให้ได้สำนึกไปหลายรายแล้ว อย่างเช่นว่ารับเงินกฐินมาก็รีบออกรถใหม่ป้ายแดง เป็นต้น ก็คือด่าให้รู้ว่า ถ้าอยากได้รถก็กรุณายับยั้งชั่งใจหน่อย ปล่อยให้เวลาเลยไปสัก ๖ เดือน ๑ ปีแล้วค่อยซื้อ ไม่ใช่เงินกฐินถึงมือปุ๊บ ก็ซื้อรถใหม่ปั๊บ ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณเอาเงินกฐินไปซื้อรถ..! พูดให้ง่ายก็คืออยากจะชั่วแต่ดันโง่ ทำอะไรไม่แนบเนียนพอ เดี๋ยวก็จะมีปัญหาอย่างที่เขาขับไล่เจ้าอาวาสกัน อย่างที่พวกเราท่านเห็น ๆ กันอยู่

    หรือบางท่านพอเงินกฐินออกปุ๊บ ก็ไปต่างประเทศกับเพื่อนกับฝูง ไปกันที ๔ ประเทศ ๕ ประเทศ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้เงินไปเท่าไร เพราะว่ากระผม/อาตมภาพแค่ไปยุโรป ๔ ประเทศตอนดูงานปริญญาเอก แค่ค่าทัวร์ก็โดนไปแสนกว่าบาทแล้ว แล้วไหนจะซื้อข้าวของฝากคนอื่นเขาอีก

    พรรคพวกที่ไปยุโรปด้วยกัน ไปซื้อนาฬิกามียี่ห้อของสวิส เพราะถือว่าไปถึงประเทศเขาแล้ว เรือนที่สั่งซื้อราคาถูกที่สุดก็คือรูดบัตรเครดิตไป ๘๐,๐๐๐ กว่าบาท นาฬิกาเป็นเครื่องมือในการบอกเวลา จะราคาเป็นหมื่น เป็นแสน หรือราคาระดับร้อยสองร้อย ก็ดูเวลาได้เหมือนกัน แต่เรามักจะแยก "คุณค่าแท้" กับ "คุณค่าเทียม" ไม่ออก

    แม้กระทั่งบางท่าน กระทั่งรองเท้าก็ใส่คู่หนึ่งราคาเป็นหมื่น ซึ่งบรรดาญาติโยมที่ถวายรองเท้าราคาแพงแก่กระผม/อาตมภาพก็คงจะซาบซึ้งดี เพราะว่าทันทีที่ถวายมา กระผม/อาตมภาพก็โยนเข้าคลังเป็นกองกลางไปเลย ตัวเองใส่รองเท้าแตะราคาไม่กี่บาท หมาแทะขาดก็ไม่น่าเสียดาย แต่ถึงกระนั้น ถ้าหมาแทะขาดข้างหนึ่ง ก็ยังเก็บข้างที่ดีเอาไว้ เผื่อคู่ต่อไป หมาแทะข้างตรงกันข้าม ก็จะได้จับมาเข้าคู่กันแล้วใส่ใหม่ พรรคพวกเพื่อนฝูงบางคนเห็นใส่จีวรเก่า ๆ ก็บอกว่า "เดี๋ยวกูถวายของใหม่ให้ชุดหนึ่ง" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "กูมีมากกว่ามึงอีก..! อย่ามาเสือกยุ่งกับเรื่องของกู"

    เรื่องพวกนี้อยู่ที่จิตสำนึกของพวกเราเอง อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าวางฐานะของพวกเราไว้เป็น "ผู้ขอ" การที่เราเป็นผู้ขอ ถ้าทำตัวร่ำรวย แล้วใครเขาจะเมตตาให้ ? โดยเฉพาะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้นั้น ต้องออกมาจากน้ำใสใจจริง ถึงจะทำได้ทน ทำได้นาน ถ้าไม่ออกมาจากน้ำใสใจจริง ไม่มีทางที่จะทำได้ทน ทำได้นาน อยู่ไปไม่นานเดี๋ยวหางก็โผล่..!

    บางทีลูกศิษย์ปากกล้า ๆ ก็ถามกระผม/อาตมภาพว่า "พระอาจารย์สร้างภาพหรือเปล่า ? ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา" จึงได้ตอบกลับไปว่า "แล้วถ้าพระภิกษุสามเณรของเราทั่วสังฆมณฑล ช่วยกันสร้างภาพแบบผม คุณคิดว่าคณะสงฆ์ของเราจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ไหม ?"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,702
    Featured Threads:
    2,828
    Ratings:
    +26,690
    ดังนั้น..สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจิตสำนึกของตน และคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ แต่คำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ก็ต้องเป็นครูบาอาจารย์ที่ทรงศีลทรงธรรมด้วย เพราะว่าในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่ กระผม/อาตมภาพได้ยินคำสอนนอกลู่นอกทางมามากต่อมากด้วยกัน

    อย่างเช่นว่า "พระเณรของเราเรียนหนัก ถ้ารู้สึกหิวก็ฉันอาหารเย็นได้ แล้วค่อยไปปลงอาบัติเอา" ซึ่งเรื่องพวกนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ในสำนักเรียน เกิดจากประการแรกเลย ตัวเองทำแบบนั้น อยู่ในลักษณะ "หมาหางด้วน" ก็เลยชวนตัวอื่นให้กัดหางตัวเองให้ด้วนไปด้วยกัน ประการที่ ๒ ก็คือตนเองก็ได้รับคำสั่งสอนจากครูบาอาจารย์ในลักษณะแบบนั้น ก็เลยไม่รู้สึกว่าผิด..!

    ในช่วงที่ยังเป็นอาจารย์สอนอยู่ตามวิทยาลัยสงฆ์ต่าง ๆ เขามีการพานิสิตเดินทางไปดูงานต่างประเทศบ่อย ๆ เชื่อหรือไม่ว่าบรรดาครูบาอาจารย์ที่เป็นนักบวช ไม่มีใครยอมนอนห้องเดียวกับกระผม/อาตมภาพเลย เพราะรู้ว่าไม่ฉันอาหารเย็นแน่นอน ไม่ใช่แย่งกันนอนด้วยเพราะเห็นว่า
    กระผม/อาตมภาพเคร่งครัด แต่แย่งกันไม่นอนด้วยเพราะว่าเคร่งครัด ส่วนท่านจะไปทำอะไรกันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง..!

    ดังนั้น..ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่ทรงศีลทรงธรรม คำสอนของท่านก็จะออกนอกลู่นอกทาง กลายเป็น "สัทธรรมปฏิรูป" แล้วท้ายที่สุดก็สร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนา เราต้องนึกถึงพระบาลีที่ว่า มือซึ่งไม่มีแผล ย่อมสามารถจับยาพิษได้โดยที่ไม่เป็นอันตราย บุคคลที่มีศีลเสมอกัน ย่อมไม่เกิดวิปฏิสาร คือความเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายมีศีล แต่ถ้าศีลของเราบกพร่อง เราเองนั่นแหละที่จะเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะรู้ว่าความดีไม่เท่าคนรอบข้าง แล้วท้ายที่สุด ถ้าทนสภาพไม่ได้ ก็จะปลีกตัวออกไปอยู่สำนักอื่นบ้าง สึกหาลาเพศไปบ้าง เหล่านี้เป็นต้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด Staff Member ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    Joined:
    Sep 25, 2008
    Messages:
    22,702
    Featured Threads:
    2,828
    Ratings:
    +26,690
    สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเสียดายที่สุดในชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ บวชอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านได้แค่ ๗ พรรษา ท่านก็มรณภาพเสียก่อน ชีวิตฆราวาสติดตามท่านอยู่ ๑๑ ปี บวชอีก ๗ พรรษา ยังรู้สึกว่าเก็บเอาความรู้และสิ่งที่ท่านสอนมาทำได้เล็กน้อยเท่านั้น อยากที่จะอยู่กับครูบาอาจารย์ให้นานกว่านี้ เพื่อที่จะได้ศึกษาให้มากยิ่งขึ้น

    แต่พอมาถึงยุคสมัยของพวกท่าน ต่อให้
    กระผม/อาตมภาพกำหนดระเบียบวัดไว้ว่า ถ้าอยู่ไม่ถึง ๕ พรรษา จะไม่ปล่อยให้ออกไปอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าส่วนหนึ่งพอครบ ๕ พรรษาปุ๊บก็เผ่นปั๊บ..! กลัวว่าจะอยู่กับกระผม/อาตมภาพนานเกินไป อีกส่วนหนึ่งก็เผ่นเสียตั้งแต่บวชใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่วัดได้ชัดเจนที่สุดว่า ในขณะที่คุณงามความดีของเรายังไม่เพียงพอ เวลาอยู่ร่วมกับผู้อื่น เราก็จะเดือดร้อน อยู่ไม่ได้ไปเอง..!

    จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรระวังเอาไว้ เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราไม่สามารถรักษาสถานภาพของพระภิกษุสามเณรที่ดีเอาไว้ได้ นอกจากชาติปัจจุบันนี้เราจะเดือดร้อนแล้ว หลังจากที่ตายไปยังจะเดือดร้อนหนักยิ่งกว่านี้ จะเป็นเหมือนดั่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก็คือพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ บวชมาแล้วก็ลงอเวจีมหานรก..! ส่วนขุมอื่น ๆ นั้นก็แน่นไปหมด ตามโทษานุโทษหนักเบาที่ตนเองทำเอาไว้

    กระผม/อาตมภาพไม่หวังว่าจะเจอท่านทั้งหลายที่ข้างล่างนั้น จึงพยายามปากเปียกปากแฉะจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่ง ที่พยายามหลีกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรมของท่านก็แล้วกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
Thread Status:
Not open for further replies.

Share This Page

Loading...