เรื่องเด่น เพ่งพินิจ "..ความตาย.."(มรณานุสสติ)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 26 พฤษภาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตของตนน่าเบื่อหน่าย จึงขอพบพระอาจารย์เซน อู้จี้ เพื่อขอคำชี้แนะว่าทำอย่างไรตนจึงจะมีความสุข พระอาจารย์ไม่กล่าวว่าอะไร ได้แต่หยิบตะกร้าไผ่ใบหนึ่ง นำชายหนุ่มมายังริมแม่น้ำเล็กๆ ลมเย็นโบกพัด พวกเขาเดินเลาะริมฝั่ง แล้วอยู่ๆ พระอาจารย์อู๋จี้ก็บอกกับชายหนุ่มว่า...
    "เจ้าเห็นก้อนหินที่อยู่ตามทางนั่นไหม นับจากนี้เมื่อเจ้าเดินก้าวหนึ่ง ก็จงหยิบขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ข้างหลัง ตกลงไหม"
    ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจเจตนาของพระอาจารย์ แต่เมื่อเห็นก้อนหินรูปทรงประหลาดมากมายริมแม่น้ำ ก็พยักหน้าด้วยความยินดี พลางเดินหยิบก้อนหินไปพลาง...ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า ตะกร้าไผ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังก็หนักอึ้งเกินกว่าจะทำให้จิตใจเบิกบาน
    ในที่สุดเขาก็เดินไปจนสุดทาง พระอาจารย์ถามเขาว่า "รู้สึกอย่างไรบ้าง"
    เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ "ตะกร้าหนักขึ้นเรื่อยๆ แทบจะแบกไม่ไหวแล้ว!"
    พระอาจารย์กล่าวยิ้มๆ ว่า " รู้ไหม? เหตุใดจึงไม่เป็นสุข เพราะเจ้าแบกสิ่งของเอาไว้มากเกินไป"
    จากนั้นพระอาจารย์ก็หยิบก้อนหินในตะกร้าออกมาทีละก้อน พลางพูดว่า..."ก้อนนี้คืออำนาจ ก้อนนี้คือเงินทอง ก้อนนี่คือหญิงงาม ก้อนนี้คือความกลัดกลุ้ม นี่คือความเหงา..."
    เมื่อก้อนหินเหล่านั้นถูกโยนทิ้งไป ชายหนุ่มสะพายตะกร้าไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกเบาโล่ง ทำให้เขาได้สติขึ้นในฉับพลัน...แค่วางลง ก็เป็นสุขแล้ว!
    ขอเพียงแค่ยอมวางลง ความสุขก็จะล้นปรี่อยู่ทุกวัน เราจงฝึกฝนการวางลงด้วยกันเถิด...
    ปล่อยวางตำแหน่งหัวโขนที่ทำให้กลัดกลุ้ม
    ปล่อยวางการแพ้ชนะที่ชวนให้อ่อนล้า
    ปล่อยวางความสูญเสียครั้งหนึ่งที่ทำให้หัวใจปวดร้าว
    ปล่อยวางความสัมพันธ์ที่นำพาแต่ความทุกข์
    ปล่อยวางความเจ็บปวดที่ค้างคาใจ
    ปล่อยวางความทุกข์ เศร้า เหงา ตรม...
    ทำชีวิตให้กลับมาเรียบง่าย กลับมาสดใสอีกครั้ง
    วางลง ก็เป็นสุข
    วางลง ก็คือความสุข!




    [​IMG]

    ที่มา : หนังสือ "วางลง ก็เป็นสุข" โดย สุนทร กองทรัพย์
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 64y.jpg
      64y.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.8 KB
      เปิดดู:
      1,207
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]


    ‘ห่วง’ ความเจ็บป่วยของตัวเอง
    ‘ห่วง’ งานค้างภายนอก
    ‘ห่วง’ งานค้างใจภายใน
    ‘ห่วง’ บ้านและทรัพย์สิน
    ‘ห่วง’ พ่อแม่ที่แก่เฒ่า
    ‘ห่วง’ ลูกที่ยังอ่อนเยาว์วัย
    เพื่อลดระยะเวลาห้วงสังสารวัฏให้สั้นลง
    มาเรียนรู้วิธีทยอยลด ปลดห่วง
    ของผู้หญิงคนนี้ กัน



    โรคพุ่มพวง กับชีวิตที่ไม่ห่วงอะไรอีกแล้วของคุณต้อย ณัทยา | โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]


    “ในข่าวร้ายจะมีข่าวดีมาด้วยเสมอ
    ถ้าชีวิตคุณกำลังเจอกับข่าวร้าย
    ก็อย่าลืมหาข่าวดีให้พบด้วย”
    เมื่อได้รับฟัง ‘ข่าว’ จากปากคุณหมอว่า
    อวัยวะภายในร่างกายของคุณ
    ถูกทำลายด้วยโรคแพ้ภูมิตนเอง
    และนั่นกำลังจะทำให้คุณเสียชีวิตลงในอีกไม่ช้าไม่นาน
    สำหรับคุณ นี่คือ
    ‘ข่าวดี หรือ ข่าวร้าย’ !!!
    มาเรียนรู้กันว่า
    ‘คุณณัทยา เกตุทอง’ หรือคุณต้อย
    เธอมีวิธีรับฟังข่าวนี้อย่างไรบ้าง



    โรคพุ่มพวง กับชีวิตที่ไม่ห่วงอะไรอีกแล้วของคุณต้อย ณัทยา | โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    ดูอนาคต ดูได้เตรียมได้ แต่ไม่ควรกังวล รักษาจิตให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้นเป็นพอ พอหรือไม่พอให้ดูอารมณ์ดิ้นรนของจิต ผู้รู้ ผู้ไม่ประมาท จักพร้อมทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่เขาไม่ทุกข์


    ...อะไรเกิดก็พร้อมรับทั้งกาย วาจา ใจ ด้วยความรู้และความไม่ประมาท..


    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)

    [​IMG]
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    เสวนา “ศิลปะการใช้ชีวิต จากความมีอยู่สู่การจากไปอย่างงดงาม”
    วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2558 เวลา 9-16 น.
    หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่




    ----------------------------------------------------------------




    [​IMG]


    *************************************************



    กิจกรรมพิเศษมูลนิธิพันดาราที่เชียงใหม่

    เสวนา “ศิลปะการใช้ชีวิต จากความมีอยู่สู่การจากไปอย่างงดงาม”
    วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2558 เวลา 9-16 น.
    หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

    การหยั่งรู้ถึงคุณค่าของชีวิตตัวเองอย่างลึกซึ้ง พร้อมน้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ย่อมเปิดใจให้เป็นอิสระ หลุดพ้นจากเงื่อนไขต่างๆ และพร้อมที่จะน้อมนำสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมาเป็น “ครู” ผู้นำทางในขณะยังมีชีวิตอยู่ หรือช่วงเวลาที่จะจากไป เราย่อมไม่หวั่นไหว หวาดกลัว ต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น และพร้อมที่จะพัฒนาสติปัญญาของเรา เพื่อดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสมบูรณ์ ซึ่งสิ่งเหล่าเป็นศิลปะภายในจิตวิญญาณของทุกคน

    1. การเสวนาหัวข้อ “การเตรียมตัวตายตามวิถีพุทธวัชรยาน (วิถีพุทธทิเบต)
    โดย รศ.ดร.กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล
    2.การเสวนาหัวข้อ “ศิลปะการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ก่อนการจากไป”
    โดยวิทยากรร่วม อ.ประมวล เพ็งจันทร์ คุณโจน จันได และ รศ.ดร.กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล

    ** ไม่มีค่าลงทะเบียน เชิญบริจาคตามแต่จิตศรัทธาเพื่อร่วมสร้างพระศานติตารามหาสถูปกรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้าด้วยการลงทะเบียนออนไลน์
    http://goo.gl/forms/LY0aveZmW6 หรืออีเมล 1000tara@gmail.com หรือ โทรศัพท์ 0833008119 ; 0897012101 เพื่อเตรียมสถานที่ อาหารและเครื่องดื่ม
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    วันนี้วันอังคารที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘

    เป็นวันพระ วันอัฏฐมีบูชา
    วันคล้ายวันถวายพระเพลิงพุทธสรีระ
    แรม ๘ ค่ำเดือน ๗





    [​IMG]
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]



    วันนี้วันพระ“วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

    เนื่องด้วย ”อัฏฐมี” คือวันแรม ๘ ค่ำ แห่งเดือนวิสาขะ เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ในส่วนสถานที่ถวายเพลิงพุทธสรีระ เรียกว่า "มกุฏพันธนเจดีย์" อยู่ห่างจากปรินิพพานสถูปไปทางทิศตะวันออก ๑ กิโลเมตร ชาวท้องถิ่นเรียก รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ มีสภาพเป็นเนินดินก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี ในปีนี้วันอัฏฐมีบูชาตรงกับวันอังคารที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ประวัติความเป็นมาในมหาปรินิพพานสูตร มีดังนี้...

    เมื่อพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ๘ วัน มัลลกษัตริย์แห่งนครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสปเถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระทำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมีความสังเวชสลดใจ และวิปโยคโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสียแห่งพระพุทธสรีระ

    “วันอัฏฐมี” พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นในวันที่ ๘ หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละในราตรี ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (ตามจันทรคติ ปีนี้ตกที่เดือน ๗)โดยพวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ใน เมืองกุสินาราตลอด ๗ วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า ๘ คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวายพระเพลิง

    พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า ๕๐๐ คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า ๔ คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะเถระ แจ้งว่า "เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะเถระ และภิกษุหมู่ใหญ่ ๕๐๐ รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ก็เทวดา เหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงต้องการที่จะเห็นพระมหากัสสปะเถระอยู่ร่วมในพิธีถวายพระเพลิงด้วย

    พระมหากัสสปะเถระ พาหมู่ภิกษุรีบเดินทางไป ยังมกุฏพันธนเจดีย์ ใกล้เมืองกุสินารา เข้าไปยังพระเชิงตะกอน ถวายนมัสการกระทำประทักษิณพระเชิงตะกอน ๓ รอบ เสร็จแล้วเข้าไปยืนทางเบื้องพระบาทพระบรมศพ แล้วถวายอภิวาทกราบทูลว่า... "..ข้าแต่พระบรมครู ข้าพระพุทธเจ้าชื่อมหากัสสป เป็นสาวกของพระองค์ พระองค์ทรงตั้งข้าพระพุทธเจ้าไว้ในที่อันเลิศฝ่ายธุดงคปฏิบัติ.. ข้าพระพุทธองค์มีความเคารพต่อพระองค์อย่างที่สุดแล้ว ด้วยคำสัตย์ของข้าพระองค์นี้ ขอให้พระบาทยุคลจงเหยียดยื่นออกมาจากพระหีบทองรับหัตถ์ทั้งสองของข้าพระองค์ผู้ชื่อกัสสป อันประนมน้อมนบอภิวาทอยู่ในบัดนี้.."

    ทันใดนั้นพระบาททั้งคู่ได้ชำแรกผ้า ๒ ชั้นซึ่งหุ้มห่อพระวรกายอยู่ถึง ๕๐๐ ชั้น ออกมาปรากฏ ณ ภายนอก พระมหากัสสปะเถระ เหยียดหัตถ์ทั้งสองออกรับพระพุทธบาท แล้วกราบทูลว่า..."..ข้าแต่พระบรมครู ตั้งแต่ข้าพระพุทธเจ้าดำรงอยู่ในอริยภูมิ ข้าพระพุทธเจ้ามิได้ทำความผิดแม้แต่น้อยหนึ่ง ในพระบรมศาสดา ข้าพระพุทธเจ้ามิได้ล่วงพระพุทธโอวาท ปฏิบัติตามธรรมของพระองค์ตลอดมา อนึ่ง พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาแก่ข้าพระบาทเป็นอย่างมาก แต่ข้าพระบาทมิได้อยู่ปฏิบัติพระองค์ ขอพระองค์จงทรงพระมหากรุณาโปรดอภัยแก่ข้าพระพุทธเจ้าในบัดนี้เถิด"

    เมื่อพระมหากัสสปกล่าวเสร็จแล้วถวายนมัสการพระบาทยุคล ทันใดนั้นพระบาททั้งสองก็กลับคืนเข้าสู่พระหีบทองดังเดิม
    “พระเพลิงก็บันดาลติดพวยพุ่งขึ้นบนเชิงตะกอน ณ บัดนั้น โดยไม่ต้องมีใครจุด”

    หลังจากที่พระเพลิงเผาซึ่งเผาไหม้พระพุทธสรีระดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วนำไปรักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่าง ๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานที่แคว้นคันธาระ บาตรอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองปาตลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่าง ๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะยังแคว้นของตนแต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจากโทณพราหมณ์ได้เข้ามาเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้งโดยเสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งกษัตริย์แต่ละเมืองทรงสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองต่าง ๆ ดังนี้

    ๑.กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวสาลี
    ๒.กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกบิลพัสดุ์
    ๓.กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองอัลลกัปปะ
    ๔.กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองรามคาม
    ๕.มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
    ๖.กษัตริย์มัลละแห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองปาวา
    ๗.พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองราชคฤห์
    ๘.มัลลกษัตริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่เมืองกุสินารา
    ๙.กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูปบรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
    ๑๐.โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)
    สำหรับกรณีของกษัตริย์เมืองโมริยะนั้น ได้ส่งผู้แทนมาหลังจากที่โทณพราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทั้ง ๘ เมืองไปแล้วจึงได้อัญเชิญพระอังคารไปแทน ส่วนโทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างสถูปบรรจุทะนานที่ใช้สำหรับตวงพระบรมสารีริกธาตุสำหรับตนเอง และผู้คนได้สักการะดังที่ได้กล่าวไป

    นอกจากนั้น วันนี้เป็นวันคล้ายวันที่พระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลังประสูติ) และเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขตลอด ๗ วัน (หลังตรัสรู้) อีกด้วย

    “คำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันอัฏฐมีบูชา”
    ยะมัมหะ โข มะยัง, ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง, ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อะโหสิ โข โส ภะคะวา, มัชฌิเมสุ ชะนะปะเทสุ, อะริยะเกสุ มะนุสเสสุ อุปปันโน, ขัตติโย ชาติยา, โคตะโม โคตเตนะ, สักยะปุตโต สักยะกุลา ปัพพะชิโต, สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก, สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ, อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ, นิสสังสะยัง โข โส ภะคะวา, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุคะโต โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวา สวากขาโต โข ปะนะ, เตนะ ภะคะวา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ. สุปะฏิปันโน โข ปะนัสสะ, ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ, อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย อัญชลีกะระณีโย. อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ. อะยัง โข ปะนะ ถูโป(ปฏิมา) ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ กโต (อุททิสสิ กตา) ยาวะเทวะ ทัสสะเนนะ, ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะริตวา, ปะสาทะสังเวคะปะฏิลาภายะ, มะยัง โข เอตะระหิ, อิมัง วิสาขะปุณณะมิโตปะรัง อัฏฐะมีกาลัง, ตัสสะ ภะคะวะโต สรีรัชฌาปะนะกาละสัมมะตัง ปัตวา, อิมัง ฐานัง สัมปัตตา, อิเม ทัณฑะทีปะธูปะ-, ปุปผาทิสักกาเร คะเหตวา, อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง กะริตวา, ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจเจ คุเณ อะนุสสะรันตา, อิมัง ถูปัง(ปะฏิมาฆะรัง) ติกขัตตุง ปะทักขิณัง กะริสสามะ, ยะถาคะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา.

    สาธุ โน ภันเต ภะคะวา, สุจิระปะรินิพพุโตปิ, ญาตัพเพหิ คุเณหิ, อะตีตารัมมะณะตายะ ปัญญายะมาโน, อิเม อัมเหหิ คะหิเต, สักกาเร ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ฑีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ.

    ภาพประกอบจาก : รูปหล่อแผ่นทองแดงนูนต่ำ บริเวณฐานด้านหลังขององค์พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี ภายในพุทธวิหารบนยอดเขา ณ วัดป่าภูก้อน ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]



    “คำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันอัฏฐมีบูชา”

    ยะมัมหะ โข มะยัง, ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง, ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อะโหสิ โข โส ภะคะวา, มัชฌิเมสุ ชะนะปะเทสุ, อะริยะเกสุ มะนุสเสสุ อุปปันโน, ขัตติโย ชาติยา, โคตะโม โคตเตนะ, สักยะปุตโต สักยะกุลา ปัพพะชิโต, สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก, สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ, อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ, นิสสังสะยัง โข โส ภะคะวา, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชาจะระณะสัมปันโน, สุคะโต โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวา สวากขาโต โข ปะนะ, เตนะ ภะคะวา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ. สุปะฏิปันโน โข ปะนัสสะ, ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ, อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย อัญชลีกะระณีโย. อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ. อะยัง โข ปะนะ ถูโป(ปฏิมา) ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ กโต (อุททิสสิ กตา) ยาวะเทวะ ทัสสะเนนะ, ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะริตวา, ปะสาทะสังเวคะปะฏิลาภายะ, มะยัง โข เอตะระหิ, อิมัง วิสาขะปุณณะมิโตปะรัง อัฏฐะมีกาลัง, ตัสสะ ภะคะวะโต สรีรัชฌาปะนะกาละสัมมะตัง ปัตวา, อิมัง ฐานัง สัมปัตตา, อิเม ทัณฑะทีปะธูปะ-, ปุปผาทิสักกาเร คะเหตวา, อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง กะริตวา, ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจเจ คุเณ อะนุสสะรันตา, อิมัง ถูปัง(ปะฏิมาฆะรัง) ติกขัตตุง ปะทักขิณัง กะริสสามะ, ยะถาคะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา.
    สาธุ โน ภันเต ภะคะวา, สุจิระปะรินิพพุโตปิ, ญาตัพเพหิ คุเณหิ, อะตีตารัมมะณะตายะ ปัญญายะมาโน, อิเม อัมเหหิ คะหิเต, สักกาเร ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ฑีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ.
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    .....ทำหน้าที่ ดีที่สุด ยามที่มีเวลาต่อกัน


    ......เพื่อจากกัน อย่างไมเสียดายเวลา






    [​IMG]
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535


    เมื่อสติ-สัมปชัญญะ ทำหน้าที่ได้ทัน


    จะเห็นว่า จิต กำลังถูกมัดด้วยอารมณ์รัก-ชัง
    ที่เติบโตเป็น อาลัย อาวรณ์ คร่ำครวญ ฯ และ ขุ่น เคือง อาฆาต พยาบาท จองเวร ฯ


    ......ถ้าใจแข็งแรงพอ มีความสงบสั่งสมไว้ดี จะสลัดอารมณ์ต้นเหตุนั้นเองทันที หรือรวดเร็ว

    และนำตน กลับบ้าน



    ...จิตสู่จิต ใจสู่ใจ....



    ถ้าจะไปจากร่างกายนี้ ..... จะไปด้วยความผ่องใสยิ่ง..








    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2015
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]



    "...การเข้าไปดูแลคุณยายที่บ้านทำให้ฉันได้คำตอบว่า ทำไมคุณยายไม่อยากฟังเทปบทสวดมนตร์ เพราะเมื่อให้ดูแลคุณยายเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะออกจากห้องเพื่อให้คุณยายได้พักผ่อน การทำเช่นนั้นทำให้คุณยายต้องอยู่คนเดียวในห้อง ซึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิตคุณยายอาจจะรู้สึกว้าเหว่ โดดเดี่ยว การฟังเทปบทสวดมนตร์อาจมีผลต่อภาวะจิตใจของคุณยายไม่มากก็น้อย เช่น อาจทำให้คิดถึงความตาย ซึ่งเป็นการตายอย่างโดดเดี่ยว
    .
    วันสุดท้ายฉันไปดูแลคุณยายเช่นทุกวัน แต่เช้าวันนี้พิเศษตรงที่ฉันได้เปิดเทปบทสวดมนตร์ให้คุณยายฟัง ฉันยังเชื่อว่ามันจะช่วยให้คุณยายมีสิ่งยึดเหนี่ยวที่คุณยายคุ้นเคย ช่วยนำทางไปสู่สุคติ คุณยายสงบ ไม่กระสับกระส่าย เพราะฉันขอให้ญาตินั่งข้างเตียง และจับมือคุณยายไว้
    .
    ในที่สุดคุณยายก็ได้ตายที่บ้านสมดังปรารถนา ท่ามกลางบุคคลอันเป็นที่รัก
    .
    คำถามจากพยาบาลรุ่นน้องในช่วงที่เข้าไปดูแลคุณยายที่บ้าน “พี่ ทำไมเราไม่สอนให้เขาดูแลกันเอง ทำไมต้องมาทุกวัน”
    .
    ฉันไม่ได้ตอบน้อง แต่ในที่สุดน้องพยาบาลก็ได้รับคำตอบจากตัวเอง “หนูรู้สึกดีจังที่ได้ดูแลคุณยาย เป็นบทเรียนที่ดีและไม่มีใครสอนได้”
    .
    จากครอบครัว “โชคดีที่เจอน้อง พี่ไม่รู้จะทำอย่างไร แรกๆ ก็พอทำได้ แต่หลังๆ แผลมันหลุดออกเป็นแผ่นๆ พี่กลัวว่าสักวันจะเห็นปอด หรือหัวใจยายออกมาเต้น”
    .
    “ยายสะอาด สวยงาม ก่อนตายได้อยู่กับหลานๆ ที่บ้าน และก็ไม่ทุกข์ทรมาน ขอบคุณน้องจริงๆ”
    .
    สิ่งที่ได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ คือ สัมพันธภาพ ความไว้วางใจ การมองเห็นคุณค่าของครอบครัว และคุณค่าในวิชาชีพพยาบาล
    .
    ตัวฉันเองก็ได้รับรู้ในเวลาต่อมาว่า “ไม่มีรูปแบบการดูแลที่ดีที่สุด ที่สามารถนำไปใช้ได้กับผู้ป่วยทุกราย” การที่จะทำให้ผู้ป่วยสักคนสมหวังได้ ตายที่บ้าน ต้องการความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย ทั้งครอบครัวและทีมบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งในแต่ละครอบครัวมีความแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญ คือ การสนับสนุนให้ครอบครัวมีศักยภาพในการจัดการการดูแลตนเองให้ได้ จึงจะเป็นการดูแลที่ยั่งยืน
    .
    ที่มา: จดหมายข่าวอาทิตย์อัสดง ปีที่ 2 ฉบับที่ 6 ประจำเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2553
    คอลัมน์: ในประสบการณ์
    ผู้เขียน: สุรีย์ ลี้มงคล

    - See more at: จุดประกาย: การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่บ้าน | โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    เสมสิกขาลัยขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมการอบรม
    .
    "เผชิญความตายอย่างสงบ"
    .
    วันที่ 17-19 กรกฎาคม 2558

    .

    .
    การเรียนรู้เกี่ยวกับ "ความตาย" ทำให้เราน้อมใจยอมรับความตายอย่างกล้าหาญ ว่าเป็นความจริงของชีวิต พร้อมกับการสร้างบรรยากาศของความสงบและปล่อยวางจากภาระที่คั่งค้างใจ เพื่อให้ความตายที่จะมาถึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่กลับเป็นโอกาสทองในการพัฒนาทางจิตวิญญาณให้คลายความยึดมั่นทั้งปวง และแน่วแน่สู่ความแจ่มชัดในธรรมะขั้นสูงต่อไป

    ช่วงวัน ชั่วโมง นาทีสุดท้ายของชีวิตของผู้ป่วย จะเป็นช่วงที่อยู่ในความทรงจำของครอบครัวไปชั่วชีวิต และการที่ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างไร มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อชีวิตที่เหลืออยู่ ของคนอื่นๆในครอบครัว การดูแลที่มีประสิทธิภาพ ที่เข้าอกเข้าใจและอ่อนโยน โดยคำนึงถึงมิติทางกายภาพและจิตใจอย่างเป็นองค์รวมในช่วงระยะก่อนผู้ป่วยเสียชีวิต จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นที่สุดที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าจะเป็นแพทย์พยาบาล ตลอดจนครอบครัวญาติมิตรจะต้องเปิดใจรับฟัง เรียนรู้ และปฏิบัติร่วมกัน
    .
    << สถานที่อบรม >>

    เดอะ รอยัล เจมส์ กอล์ฟ รีสอร์ต จ.นครปฐม
    .
    << บริจาคเข้าร่วมกิจกรรม >>

    1) บุคคลทั่วไป ท่านละ 4,800 บาท

    2) ทุนผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่มีรายได้น้อย จำนวน 2 ท่าน

    3) ทุนนักบวชหญิง-ชาย ที่ทำงานกับพื้นที่และชุมชน จำนวน 1 รูป
    .

    สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เสมสิกขาลัย
    ติดต่อคุณจงรักษ์ แซ่ตั้ง หรือ คุณสาวิตรี กำไรเงิน
    โทรศัพท์ 02-314 7385 ถึง 6
    email: semsikkha_ram@yahoo.com
    LineID: semsikkha
    Website: semsikkha



    <iframe width="1" height="1" src="https://www.youtube-nocookie.com/embed/iwbmEGYBKkE?&autoplay=1&rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2015
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    การใคร่ครวญเรื่องความตาย
    โดยยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์
    จะช่วยให้สามารถขจัดอุปสรรคต่อการตายอย่างสงบได้
    เพราะอุปสรรคสำคัญต่อการตายอย่างสงบ
    ...คือ ความกลัว และความโกรธ




    : จิดาภา เรือนใจมั่น (จากบทความเรื่อง "การเผชิญความตายอย่างสงบ" www.bnc.ac.th/kmassetblog/index.php…)



    [​IMG]
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]


    คนเราหนีตายไม่พ้น แม้เพียงวันเดียว

    1. ตายน้อย ก็คือ นอนหลับทุกคืน หลับชั่วคราว คือ ตายทุกคืน ตื่นตอนเช้า
    2. ตายใหญ่ ก็คือ นอนหลับตลอดกาล แต่จิตไปตื่นตรงที่มีกายใหม่ มีกายใหม่ที่อื่นเป็นกายผี กายสัตว์ กายเทวดา กายพรหม แล้วแต่ผลบุญหรือผลบาปที่ทำไว้ตอนเป็นคน
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    ผู้มีบารมี ( คำสอนหลวงปู่ดู่ )

    ในสมัยก่อนเราอาจเคยคิดว่าผู้บารมีควรจะเป็นผู้มีฐานะดี เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
    แต่ เปล่าเลย หลวงปู่ท่านทำให้พวกเราเปลี่ยนทัศนะใหม่ว่า ผู้ที่มีบารมีก็คือผู้ที่ตระหนักถึงภัยแห่งความแก่ ภัยแห่งความเจ็บ และภัยแห่งความตาย ตั้งแต่ก่อนที่ภัยเหล่านี้จะมาถึง

    ท่านจึงได้พูด ให้กำลังใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่พากันมาภาวนาว่า "ข้าโมทนากับพวกแก ที่มาภาวนากันตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เพราะหากจะไปรอภาวนาตอนแก่ มันจะไม่ทันการณ์ ...เหมือนคนที่รอจะหัดว่ายน้ำตอนแพใกล้แตก มีแต่จะจมน้ำตายเท่านั้น"

    ดังนั้น หากเราสังเกตประวัติครูยาอาจารย์ ตั้งแต่วัยเด็กของท่าน ท่านมักหวั่นใจในความตาย ความพรัดพราก ฯลฯ แล้วตั้งคำถามว่า เกิดมาทำไม? เกิดมาทำไม? เกิดมาทำไม?

    ในขณะที่คน ส่วนใหญ่ยังหลงเพลิดเพลินอยู่ ลูกของพระพุทธเจ้ากลับเห็นภัยของความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพรัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ฯลฯ ที่กำลังคืบคลานมาอยู่ทุกขณะ

    คำที่สำคัญมากคือคำว่า โอปะนะยิโก หรือการน้อมเข้ามาใส่ตัว คือ เช่นไปงานศพ ก็มิใช่จะเห็นแต่ความตายของบุคคลอื่น ผู้ไม่ประมาทก็ควรน้อมเข้ามาเป็นความตายของเรา ความทุกข์ของเรา ที่เราต้องประสบในไม่ช้า


    คำว่า โอปะนะยิโก นี้เอง ที่จะทำคนให้เป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และ ผู้ที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท จึงควรค่าแก่คำว่า ผู้มีบารมี



    ***เรียบเรียงจากบทความของ คุณสิทธิ์



    [​IMG]
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,772
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +70,535
    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...